top of page
pat.jpg

Actor.

ถ้าให้พูดถึงในฐานะมนุษย์ การได้เรียนกับครูส้มและเทคนิคของครู ทำให้เห็นความจริง ความจริงของมนุษย์ และความจริงของตัวเอง ได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ได้ถอดหน้ากากสังคมออกเพื่อให้เห็นความจริงข้างในตัวเอง ถามว่าบนโลกนี้จะมีใครสักกี่คน ที่ได้เห็นแผลของตัวเอง ได้เข้าไปแก้ไขแผลของตัวเอง ได้ขอโทษตัวเอง ได้ขอบคุณตัวเอง ได้ตอบคำถามตัวเองว่าจริงๆแล้วเรารักตัวเองมากพอรึยัง ทั้งหมดนี้มันดูเป็นคำถามที่ง่ายมากถ้าตอบผ่านความคิดหรือตามpatternที่สังคมกำหนดไว้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆที่จะตอบหรือทำมันได้ด้วยความกล้าหาญจากความรู้สึก จากแก่นข้างในจริงๆ 

เทคนิกของครูส้มช่วยในฐานะมนุษย์มาก ทุกวันนี้กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามุมมองชีวิตเปลี่ยนไป รวมถึงการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปด้วย ถ้าให้มองจากตรงนี้กลับไป ก็ไม่ใช่เราคนเดิมเมื่อหลายปีก่อนแล้วแน่นอน ถ้าจะให้พูด ก็อาจจะดูเว่อ แต่มันได้เราคนใหม่ เหมือนได้ชีวิตใหม่จริงๆ จริงๆเรียนรู้หลายอย่างมาก แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือ การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยคือ เรียนรู็ที่จะรักตัวเองจริงๆจากข้างใน ได้ทำเพื่อตัวเอง ได้รักตัวเองจากความรู้สึกข้างในจริงๆที่ไม่ได้มาจากการที่บอกว่ารักตัวเองผ่านความคิดเฉยๆ ได้ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง และกล้าหารที่จะเป็นตัวเองอย่างภูมิใจที่สุด

 

  ซึ่งเทคนิกของครูส้ม ไม่ได้เปลี่ยนแค่มุมมองชีวิต แต่ในฐานะนักแสดง เทคนิกของครู ก็เปลี่ยนวิธิการแสดงด้วยเช่นกัน จากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย ยอมรับว่าตอนแรกๆคืองงมาก ใหม่มาก ร่างกายช้อคกับพลังงานในร่างกาย จากที่แรกๆที่งง ตอนนี้คือสนุกมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่เรียนจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่สนุกและไม่เจอสิ่งใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกครั้ง เทคนิกของครูทรงพลังมาก ครูเป็นguideเปิดทางให้เรากล้าหารที่จะกระโดดลงบ่อไปในบ่อความรู้สึก ในฐานะนักแสดงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ และเช่นกัน ในฐานะนักแสดง การได้รู้จักร่างกาย ได้รู้จักพลังงานของตัวเอง ได้ทำการแสดงผ่านพลังงานจากร่างกาย และขยายพลังงานการแสดงให้ทรงพลังออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดผ่านเทคนิกและการguideของครู ทำให้การแสดงทรงพลังมากขึ้นจริงๆ

การแสดงที่ทรงพลัง ต้องผ่านการฝึกซ้อมและเรียนรู้อยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า การฝึกซ้อมด้วยเทคนิกนี้ ทำให้ร่างกายและการแสดง ทรงพลังอย่างยิ่งใหญ่แบบไม่มีที่สิ้นสุดออกไปอีกจนมันไม่สามารถหาคำอธิบายความรู้สึกให้ออกมาเป็นคำพูดได้

 

สิ่งที่นำไปใช้ในการทำงานจริง?

 

       ยืนยันเลยว่าเทคนิกของครูทุกอัน นำไปใช้งานได้จริง100% ทั้งชีวิตประจำวัน และการทำงาน ทุกอย่างจะflowมาก ร่างกายและจิตใจก็flowด้วยเช่นกัน และทรงพลังมากกับการแสดง ทุกอย่างเลยสงผลให้ให้การแสดงจะยกระดับขึ้นไปอีกหลายขั้น และที่สำคัญ เทคนิคนี้healthyมากๆด้วย  

1583457626580.jpg

Actor.

            Hi guys, my name is Non. I’m a Thai actor who dream to be a Hollywood actor (still have a long way to go though lol). Anyway, I’m one of Kru Som’s student and happen to be one of her first group of students so I can say it with all my heart due to my long year studying with her that she is one of the most talented and passionate acting teacher who I ever meet.

 

            Yes, I didn’t learn acting from her alone. Before I met her or to be more precise before she came back from the U.S, I have learn from quite a lot of teachers because I believe that the more I know the better. Named it I have try it all (not saying that I’m a pro at them all but I’m confident I know quite a lot) whether it be Stanislavski’s, Stellar Adler, Meisner, Strasberg, Chekov, and so on. Please noted that I learn these lessons from another Thai teachers who learn these classes from the U.S.

 

            Not that there is any problem with all these methods. It just, no matter where I learn with who or where (in Thailand), many teachers adapt their lessons according to these methods. Basically, I try to look for something new but I have quite a lot of work that I need to be responsible for in Thailand so going to seek a completely new things abroad is a little bit impossible for me. And then one day I met her through another acting teacher whom I respect. And my mind was blown because this is something new that I’m looking for. And it’s not just that, the way she teaches her students you can literally see it from her face and hear it from her voice that she is really passionate about her work. Most importantly, she happens to be the ONLY ONE who’s teaching these new things in Thailand! Could you imagine how much courage she need to have to do this kind of thing? I’m just glad that I met her and have the opportunity to learn from such a passionate person.

 

            When I started learning with her, the first thing she taught me is Chakra or Lucid body class (from Faye Simpson). Maybe not new in the U.S but for Thailand? Definitely! She then later combine this with Raksa and the latest thing I have learn is Balinese mask mixed with Chekov style from Per Brahe. I just have a great time with all these classes. It’s only been more than a year and she keep having new things for her students to learn and that is one of the quality that make her one of the best teachers I ever meet.

 

            Now before you come and learn with her you may wonder can it really be used in your acting work? Absolutely, but not on the SET or the actual day of shooting or the play!! I say this to any actor that just start his or her career just in case. ANY acting workshop at all that you do or learn. Don’t go and do it on set (except you have an acting coach that know about the method to help you) because it will disrupt your zone and pull you out of the character. What you do with these method is during the process of preparing for the character. And I say this, it takes time! Just like every sport in this world, for example: boxing, the boxer must prepare his body for like 6 months or his entire life to have a what? For just 15 minutes match, right? And this statement stay true for all kind of sports. So why compare athlete to actor? Because to me, actor is an emotional athlete. You must keep training your body muscle to maintain or improve the skill of controlling and expressing your IMAGINATIVE but GENUINE emotions because sometime the director won’t wait for you to cry or for you to get in the zone because the harsh reality is acting is not everything, but it should be for us.

 

            In addition, it is ideal to be able to do all these workshop for every role that you get. But I know in reality some time you got the script like 2 weeks or worst (my own exp.) 1 day before shooting. It’s impossible to have a meaningful result. Everything that are truly great takes time to create. But don’t blame them, because at the end of the day they chose you because they believe you can do it in this amount of time, no? And you won’t notice it but if you train often enough these basic work that you do will help you out because your body will remember it.

My testimony (Nonkul) on Kru Som’s teaching on acting. (THAI)

 

สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อ นน ครับ บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่ออีกชื่อคือ นนกุล ผ่านหูบ้าง ผมเป็นหนึ่งในนักเรียนของครูส้มครับหรือแทบจะเรียกได้ว่าเป็นนักเรียนคนแรกๆของครูส้มเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นทำให้ผมกล้าที่จะพูดจากประสบการณ์ที่ได้เรียนกับครูส้มมาปีกว่า ตั้งแต่วันแรกๆที่ครูเริ่มสอนว่า ครูส้มเป็น 1 ในครูทั้งหมดที่ผมเคยเรียนมาที่มีพรสวรรค์ พรแสวง และ passion ในการสอนมากๆ

 

ผมได้มีโอกาสเรียนในหลายๆคลาสของครูส้มที่ผสมผสานขึ้นมาเป็นหลักสูตรสไตล์ของครูเอง มันจึงมีความ unique บางอย่างที่น่าดึงดูด ไม่ว่าจะเป็น คลาส lucid body/จักระ, คลาส Raksa, หรือ คลาส Mask ทุกๆคลาสล้วนใหม่สำหรับผมมากๆ และสามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงาน

 

แน่นอนว่า ผมไม่ได้หมายถึงว่าให้นำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ในวันถ่ายหรือวันเล่นจริงอะไรก็แล้วแต่นะครับ

ผมขอพูดเผื่อสำหรับนักแสดงน้องใหม่ด้วยเลยละกัน

ถ้าคุณทำเวิคชอปเหล่านี้ด้วยตัวเอง มีโอกาสที่จะทำให้คุณหลุดออกจาก zone หรือ รบกวนการเข้าถึง character ของคุณได้ ยกเว้นว่ามีครูสอนแอคติ้งที่รู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้และช่วยคุณ ผมไม่แนะนำมากๆ

สิ่งที่นำไปใช้ได้จริง ผมหมายถึงว่า ต้องทำสิ่งเหล่านี้ เป็น routine เหมือนเล่นกล้ามเนื้อ หรือคิดง่ายๆ เหมือนการซ้อมกีฬาครับ นักกีฬาทุกๆคน เช่นนักมวยก็ได้ ต้องใช้เวลา หกเดือน หรือ ทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ฝึกซ้อมๆๆ เพื่อขึ้นชกแมตช์ละแค่ อะไรครับ?  15นาที! นักแสดงก็เหมือนกัน เพราะในมุมมองของผม นักแสดงคือนักกีฬาอารมณ์ คุณจะต้องสามารถควบคุมและสื่อสาร อารมณ์จินตนาการที่จริงใจ ต่อตัวละคร ตนเอง และคนดู ให้ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่อยู่บนมาตรฐานของคำว่า มืออาชีพสำหรับอาชีพนี้ เพราะในท้ายที่สุด ในความเป็นจริงที่โหดร้ายที่นักแสดงอย่างเราจะได้เจอในการทำงานจริงก็คือ เราจะพบว่า ไม่ใช่ผู้กำกับทุกคนจะมารอคุณให้เข้าถึงอารมณ์ได้ และเค้าไม่ผิดที่มีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าต้องรับผิดชอบในกองที่มีมากกว่าร้อยชีวิต เพราะการแสดงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด     แต่มันควรจะเป็นสำหรับเรา

 

เรื่องที่อยากจะแนะนำต่อมาก็คือ สถานการณ์ในอุดมคติของพวกเรานักแสดงนั่นคือ การมีเวลาได้เตรียมตัวทำเวิคชอปเหล่านี้ และอื่นๆ เพื่อตัวละครตัวนั้นๆแบบเจาะจงไปเลย และถ้ายิ่งสามารถทำได้ทุกๆครั้งสำหรับทุกตัวละครที่คุณได้ก็จะยิ่งดี คิดซะว่า เหมือนเราซ้อมเต้นเพื่อเพลงนั้นๆละกันครับ ส่วนการทำซ้ำๆ เป็น routineที่บอกไปก่อนหน้า ก็เหมือนกับการเรียน basic เพื่อที่หน้างานเราสามารถ improvise เอาตัวรอดได้ แน่นอน ผมเข้าใจว่าในสถานการณ์จริง คุณมักจะเจออะไรแบบว่า บทได้มาแค่สองอาทิตย์ก่อนถ่ายหรืออย่างแย่สุดที่ผมเคยเจอคือ 1 วันก่อนถ่าย แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถสร้างผลลัพท์ที่น่าทึ่งได้..... ถ้าคุณไม่ได้ทำ routine เหล่านั้นด้วยอ่ะนะ ก็เหมือนกับนักมวยที่ไม่ได้ซ้อม basic แถมไม่ได้ศึกษาคู่ต่อสู้คนต่อไป แต่ถ้าอย่างน้อยนักมวยคนนั้นทำ basic routine ไว้อยู่เรื่อยๆ อาจจะไม่ได้มีเวลาศึกษาคู่ต่อสู้มากนัก แต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้

 

แน่นอน คุณจะไม่ได้รู้สึกเห็นผลลัพท์หรอก แต่ร่างกายคุณจะจำเพราะคุณได้ “ซ้อม”

ที่เหลือก็ปล่อยไหลไปตามสถานการณ์ และเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเตรียมตัวมาก็พอครับ

Prim.jpg

Actor.

“ Trust yourself and trust that it’s there ”

เป็นประโยคที่ทำให้ประทับใจในตัวครูส้ม จากการได้ workshop ภาพยนตร์ เรื่อง โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เป็นประโยคที่ถูกเวลามากๆสำหรับปริม ช่วงการ workshop ของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นช่วงที่ตั้งใจและอยากทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด จนทำให้เครียดเล็กน้อย สิ่งที่ครูสอนใน class ตอน workshop ครูบอกว่าความเป็นพี่น้องของเราสองคน ( คริสซี่ , ปริม )           คนดูต้องรับรู้ได้แม้ 2 คนนี้จะอยู่กันคนละมุมห้องก็ตาม ครูพาเราไปค้นหาด้วยวิธีที่ปริมก็ไม่เคยทำที่ไหน แต่รับรู้ได้ว่ามันเชื่อมเรา 2 คนเข้าหากันจริงๆ  ก่อนจบ class ครูบอกว่าถ้าเครียด ให้ลองเปลี่ยนความคิดว่า ทุกครั้งที่เรามา workshop ให้เราคิดว่าเรามา explore ตัวละครของเรา มาทำความรู้จักกับตัวละครมากขึ้นทุกวัน และ trust yourself and trust that it’s there.

Class workshop วันนั้นทำให้ปริมประทับใจมากๆในตัวครูส้ม เราเห็นความทุ่มเท และความตั้งใจมากๆในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่จะเป็นประโยชน์กับเรา เราตัดสินใจลงเรียนคลาสแรกของครู คือ Voice and Body for Actor

Voice and Body for Actor

เป็นคลาสที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Lucid body และระบบจักระทั้ง 7 ของร่างกาย ทำให้เราได้เห็นพลังงานของตัวเอง ได้เห็นความเป็นตัวตนในมุมใหม่ๆผ่านระบบจักระ ได้ค้นหาศูนย์กลางของพลังงานต่างๆ ความคิดอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในร่างกายเพื่อที่จะให้เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับ ซึ่งเมื่อเราสามารถวิเคราะห์พลังงานได้ เราจะนำไปใช้ในการทำงานจริงได้ เราจะรู้ว่าเราควร focus ที่ตรงไหน เราจะละเอียดกับทุกความรู้สึกมากขึ้น สิ่งที่ครูส้มย้ำเสมอในคลาสนี้ คือ การ “ ฟัง ” เสียงของตนเองโดยที่ไม่ตัดสินว่าดีหรือเลว เพราะการฟังโดยปราศจากอคติ จะทำให้เสียงที่ถูกกดทับโดยจิตใต้สำนึกได้ปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็น เสียงแห่งความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความรู้สึกทางเพศและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เราสร้างตัวละครที่สมบูรณ์และลึกซึ้งได้ เพราะความรู้สึกขัดแย้งต่างๆนี้คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์  -Embrace your tiger –

 

Creative  Acting Technique

เป็นคลาสที่พัฒนานักแสดงด้วยเทคนิคการแสดงที่สอนที่ Stella Adler Academy of Acting and Theater , LA , USA เป็น 2 เดือนที่ได้อะไรเยอะมากๆ และอยากแนะนำให้ทุกคนมาเรียน  ทุกๆclass ได้ถูกจัดเรียงมาอย่างลงตัว ทุกๆสัปดาห์จะทำให้เราได้พัฒนาตัวเองทั้งในฐานะมนุษย์และนักแสดง ทำให้เราละเอียดกับทุกๆอย่างในการสร้างตัวละคร เพราะครูส้มละเอียดมากๆในทุกงานที่ให้เราไปทำ ซึ่งเราจะได้เรียนรู้ทั้งจากในงานของเราเองและงานของเพื่อนๆ ซึ่งทุกอย่างในคลาสนี้เอาไปใช้ในการทำงานได้จริงๆ เราจะเฉพาะเจาะจงมากขึ้นใน memory , partner , place ของตัวละคร เราจะละเอียดกับทุกคำที่ตัวละครพูด ทุกคำที่พูดต้องถูก justify มาแล้วโดยจินตนาการของเรา จนมันเคลื่อนที่อยู่ในร่างกายของนักแสดง จึงจะมีสิทธิ์พูดคำนั้นออกมา  เราจะได้รู้จัก Universal Idea ที่จะเพิ่มพลังและขนาดของการแสดง
คนดูจะสัมผัสได้จาก Vibration ในร่างกายของนักแสดง และทั้งหมดนี้มันทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการแสดงมันคือความจริง 
          พรสวรรค์ของนักแสดงอยู่ที่การเลือก choice choice ที่ดีจะทำให้ Scene ดีขึ้น ซึ่งการจะเลือก choice ที่ดีได้มันต้องมาจากความละเอียดและความทุ่มเทที่เราให้เวลากับการสร้างตัวละคร เวลา 2 เดือนของคลาสนี้ทำให้เราเข้าใจคำว่า pay the price ที่ครูส้มพูดเสมอ  จ่ายค่าจิตวิญญาณให้กับตัวละครนี้ ใส่เลือดเนื้อเชื้อไขเข้าไปในตัวละคร  และทำให้นับถือในหัวใจของครูส้มมากๆเพราะ รู้เลยว่ากว่าที่ครูส้มจะมาสอนเราได้แบบนี้ กว่าจะละเอียดกับเราได้ขนาดนี้ ครูส้มต้องทำงานหนักมากๆตอนที่ครูส้มเรียน ขอบคุณจากใจค่ะ

ขอบคุณที่เป็นห่วงปริมและให้คำปรึกษาที่จริงใจเสมอ นับถือหัวใจและความตั้งใจของครูมากๆเสมอค่ะ ดีใจที่ชีวิตนี้ได้เจอครู ดีใจที่ครูได้ทำอาชีพที่ครูรักและมีคุณค่าต่อทั้งตัวเองและคนอื่นอีกมากมาย รวมถึงเด็กผู้หญิงคนนี้ที่ฝันอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก การได้เรียนกับครูมันตอบโจทย์จิตวิญญาณปริมมากอย่างที่ปริมบอกครูเสมอ ขอบคุณค่ะ

By doing what you love, you inspire and awaken the heart of me.
Just be the best of who you can be. Be truthful , all will be great!

image_123650291 (17).JPG

Actor.

The Cave สำหรับมัดหมี่คือพื้นที่ปลอดภัย ทั้งกายและใจ เป็นพื้นที่ปล่อยพลัง เป็นพื้นที่แห่งขุมพลังที่อบอุ่น รู้สึกโชคดีที่มีโอกาสได้เข้าเรียนหลายๆคลาสของ The cave ได้เห็นการเติบโต และพบการเดินทางภายในของตัวเองและเพื่อนๆที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ ได้เห็นทั้งด้านมืดและด้านสว่างของตัวเอง เทคนิคต่างๆที่ครูส้ม ครูเอ็มสอน ช่วยมัดหมี่ได้มากในด้านการแสดง และบางครั้งก็สามารถช่วยเยียวยาบางช่วงเวลาในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน จะหาเวลากลับไปเติมพลังเรื่อยๆนะคะ 

1584435655950.jpg

Actor.

Movement Acting

 

ช่วงก่อนที่จะมาเรียนเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเสียความมั่นใจ และเริ่มสงสัยความสามารถตัวเอง ทุกอย่างมันส่งผลถึงกันล่ามไปถึงการหมดใจกับการทำงาน และการแปรปวนของอารมณ์ที่มากกว่าปกติ รู้สึกเก็บกด เหมือนได้แบกความรู้สึกไว้มากมายแต่ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี

 

วันนึงได้เริ่มอ่านหนังสือ “ด้านมืดของผู้ตามหาแสงสว่าง” ได้พูดถึงเรื่องมนุษย์ทุกคนมี Shadow ยิ่งเรากดด้านมืดไว้เท่าไหร่ เวลามันได้ออกมาก็จะรุนแรงเท่านั้น.. และไม่มีใครหนีด้านมืดของตัวเองได้ เราแค่ต้องยอมรับว่าทันเป็นส่วนหนึ่งของเราให้ได้ ประโยคนี้ทำให้เราเอะใจว่า “หรือมันกำลังเกิดขึ้นกับเรา?” และก็เริ่มคิดว่าหรือสิ่งนี้คือสิ่งที่ส่งผลกับชีวิตเรา แล้วเราจะทำยังไงดี? การที่เราเป็นนักแสดง เป็นนางแบบ มันเป็นอาชีพที่ใช้พลังงานและความรู้สึกเยอะ ร่างกายเราได้สะสมมันไว้ และเราก็ไม่เคยได้ปลดปล่อมมันออกมา ด้วยความบังเอิญเพื่อนสนิทที่เป็นนักแสดงได้แนะนำActing Class ของครูส้ม ว่าอาจจะช่วยเราหาคำตอบได้ด้วยตัวเองผ่านการร่างกายของเรา

 

ครั้งแรกที่เริ่มเรียนคือ Movement Acting เป็นการได้ให้อิสรภาพกับร่างกายเราได้แสดงทุกความรู้สึกออกมา ให้เราได้รู้จักตัวเองในทุกแง่มุม ความรู้สึกที่เปิดเผย ความรู้ที่ปิดบัง หรือบางสิ่งที่เราไม่รู้ตัวว่าซ่อนมันอยู่ ทำให้รู้ว่านอกจากสมองแล้ว ร่างการยังจดจำเรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึกไว้มากมาย ทุกสิ่งค่อยๆกะเทาะเปลือกนอกของเราที่ใช้อยู่ในสังคมผ่านการ worm up น่าแปลกที่อารมณ์มากมายพรั่งพรูออกมาในขณะที่ขยับร่างกาย การออกเสียงโดยไม่มีความหมายแต่มากด้วยความรู้สึกต่างๆ เหมือนได้พูดทุกสิ่งออกไปเพื่อให้เราได้เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ยิ่งเรารู้จักตัวเองมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งแข็งแรงมากขึ้น 

 

ในวันที่ตัวเราพร้อมและได้เผชิญหน้ากับ shadow และ childneed ของตัวเองผ่านการทำexercises โดยมีครูส้ม พี่เฟย์และเพื่อนๆในคลาสคอยซับพอร์ต เหมือนเราได้รู้จักตัวเองดีขึ้นในทุกแง่มุม ปล่อยให้จิตวิญญาณของเราได้พูดออกมา ร่างกายของนักแสดงก็เหมือนห้องสมุดที่มีหนังสือมากมาย Shadow ก็เหมือนหนังที่เราไม่กล้าหยิบอ่าน Childneed เหมือนเล่มที่เราเคยอ่านแต่หลงสืมมันไป และยังมีอารมณ์ของตัวละครที่เราเคยทำการแสดงหลงเหลืออยู่เยอะ เพราะห้องสมุดนี้หรือ Body ของเราไม่เคยได้ตรวจสอบแบบหยั่งลึกเลย ซึ่งการเรียนในคลาส Movement Acting นี้สามารถช่วยได้เป็นอย่างดี 

 

เมื่อรู้จักตัวเองดีขึ้น ร่างกายได้พูดออกมาทั้งมุมแข็งแรง มุมอ่อนแอ มุมซ่อนไว้ เราก็จะยอมรับความเป็นตัวเอง เข้าใจและเคารพความเป็นตัวเองมากขึ้น ความกังวลก็เริ่มหายไป ถึงจุดนี้เราได้ไฟในแสดงกลับมาอีกครั้ง.. เราจะเข้าใจอารมณ์ของตัวละครได้ยังไงหากว่าเรายังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง เราสามารถปล่อยให้ร่างกายสื่อสารอารมณ์ในการแสดงได้มากขึ้น และเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถส่งผลกับชีวิตจริงๆ ถ้าการออกกำลังคือทำให้ร่างกายแข็งแรง Movement Acting ก็คือทำให้จิตใจแข็งแรง เพื่อพร้อมรับทุกความรู้สึกในวันต่อๆไป

cindy.jpg

Actor.

Testimonial

 

Flowของคลาสดำเนินไปตามintuitionของครู เข้มข้น ตรงจุด เวิร์คสำหรับเราเสมอ ทุกครั้งที่ได้เรียนจะรู้สึกโชคดีมากๆ ครูส้มเหมือนนางไม้ในป่ามืดที่นำทางพาเราเข้าถ้ำ ไปเจอสิ่งดีๆ สิ่งศักสิทธิ์ แต่ไม่เคยจูงมือ อนุญาติให้เราเติบโตเอง ได้ใช้เวลาค่อยๆเปิดใจเรียนรู้ละยอมรับ ถ้าเป็นไปได้ อยากจะเรียนต่อเนื่องไปเรื่อยๆเลยค่ะ

 

At the Cave Bangkok, I truly learned more than I ever dreamed I would in such a short period of time. Enrolling in private sessions allowed me to focus on myself, explore, discover, and develop. I’ve never felt this powerful and confident in my body, my voice.

Kru Som is a perfect combination of demanding and understanding. I’m giving all the credit to Kru Som for all the work done. Once you’re in the right hand, nothing can go wrong. Thanks to Kru Som, her space, and p’Faye, her assistant for supporting me as an actor to expand potential, granting me access to freer natural voice, freer body, freer spirit.

 

짧은 시간이었지만 예상하지 못한 변화가 느껴집니다. 배우로써 나의 악기를 잘 준비해야 된다고 생각합니다. 자유로운 음성을 내기 위해 몸과 마음에 관련된 훈련법을 잘 배웠습니다. 여기서 자신을 더 이해할 수 있는 시간을 갖고 선생님의 지시를 따라했음 뿐인데도 효과가 바로 보였습니다. 수업 받고 나서 감각도 깨우고 민감해져서 충동들을 더 잘 받을 수 있는 것 같습니다. 선생님 덕분에 근육/긴장도 잘 풀어지고 몸도 목도 많이 편해졌습니다. 

albina 3.jpg

Actor.

Being a foreign actor in Thailand has its challenges and finding the right training is one of them. I am so grateful that I found this studio. Kru Som is the most amazing teacher who is talented, passionate and genuine. 

 

I started my training with Movement 1 class which is based on Lucid Body techniques by Fay Simpson. From the very first class I felt how my body was unfolding, it was a transformative journey of tuning in to my body and acknowledging all the emotions that have been kept unnoticed for many years. Overwhelming and freeing at the same time. It is safe to say that this class was life-changing for me. 

 

With further training of Rasa and Movement 2, peeling myself off layer after layer, I keep discovering new things and ways about my body and nature. 

 

It tremendously helped me as an actor, gave me techniques that I can rely on during work and castings, enhanced my performance and helped me book better jobs. 

 

There is still a lot for me to learn, but I know I’m on the right track. The Cave Bkk is a safe place for actor’s growth, with a community of inspiring young actors, healthy competition and of course invaluable guidance of Kru Som. 

image_123650291 (15).JPG

Actor.

BEEM THANICHASORN การที่ได้เรียน ACTING ที่ THE CAVE มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับบีม ในฐานะเด็กคนนึงที่อยากเป็นนักแสดง บีมได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจคำว่า "​​ HUMAN BEING " ได้เติมโตในฐานะมนุษย์คนนึงบนโลกใบนี้ ได้ลองเปิดใจแล้วให้โอกาสตัวเองได้เข้าใจในความต่างในหลายๆ แง่มุมที่มีอยู่บนโลกนี้จริงๆ ทุกวันนี้หนูไปเรียนไม่เคยมองว่าเป็น ACTING CLASS เลยค่ะ เพราะมันเป็นมากกว่านั้นจริงๆ มากแบบอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริง แล้วคุณค่าต่างๆ จากการได้เรียนรู้ชีวิตของการที่จะเป็นตัวละครตัวนึงได้ มันสอนให้หนูเลือกที่จะมองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เจอในช่วงเวลานึงของชีวิตตัวเองมากขึ้นค่ะ ว่าในเรื่องที่เเย่มันก็มีข้อดีเสมอเมื่อเวลาผ่านไป มันคงไม่มีใครเจอแต่เรื่องแย่ๆ ในทุกวินาทีของชีวิตแน่ๆ ค่ะถ้าเราเลือกที่จะเข้าใจและเรียนรู้ความรู้สึกต่างๆ ของตัวเองมากขึ้น แล้วอยู่กับมันให้เป็นมากกว่าที่จะหนีมัน เลิกโทษการมีอยู่ของมัน ในเมื่อเวลาเรามีความสุขเราก็ไม่เคยไปนั่งโทษมันเลยเหมือนกัน น้อยครั้งที่จะถามตัวเองจริงๆ ว่าทำไมเราถึงมีความสุข เพราะนั้นมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์เหมือนกันที่จะรู้สึก ทุกวันนี้บีมก็เลยพยายามเลิกตั้งคำถามกับความรู้สึกทุกข์ใจกับบ้างอย่าง แล้วเลือกที่จะฝึกและเปลี่ยนตัวเองให้ไปสนใจแล้วก็ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น เรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งต่างๆ มากขึ้น จริงๆ ถ้าความทุกข์มันมีได้ ความสุขมันก็มีได้เหมือนกันใช่มั้ยคะ:) การได้ลองมองชีวิตนนุษย์คนนึง ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตัวละคร มันมีค่าสำหรับนักแสดงคนนึงมาก การที่ตัวละคร “ เลือก “ ที่จะทำหรือไม่ทำอะไร จริงๆ มันมีที่มาของมันหมดเลยค่ะ ในโลกของเค้าบางครั้งก็ไม่มีใครเห็นเเละอยากที่จะเข้าใจเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวเค้าเองต้องเจอเเละอยุ่กับมันมาตลอดหรือบางครั้งเค้าก็เลือกที่จะหนี “ ครูส้มกับพี่เอ็ม ” สอนบีมให้เห็นว่าโลกนี้มันกว้างมากๆๆๆๆ ในชีวิตของคนๆ นึงจะเกิดการเรียนรู้อะไรใหม่ได้ทุกวันไม่มีจุดสิ้นสุด คือโลกมันหมุนไปทุกวัน เวลามันก็เดินไปข้างหน้าทุกวัน การที่เราเรียนรู้ที่จะเปิดใจเข้าใจเรื่องต่างๆ มากขึ้น เราก็มีโอกาสที่จะอยุ่กับมันได้มากขึ้นเช่นกัน เราไม่ต้อวทำได้ทุกอย่างแต่เราเข้าใจมันมากขึ้นได้ ชอบมากกกกบีมรัก THE CAVE มากกกกก หนูเชื่อเลยว่าทุกคนที่มาเรียนที่เคฟจะได้เห็นและเข้าใจคำว่า "​ ACTING " หรือการแสดงใหม่แน่ๆ ค่ะ สำหรับหนูตอนนี้ ACTING ไม่ใช่ ACTING อีกต่อไปค่ะ ตั้งเจอครูส้มกับพี่เอ็ม โลกหนูมันกว้างแบบไม่มีที่สิ้นสุด มีอะไรที่หนูยังไม่รู้แล้วต้องเรียนรู้อีกมากเลย ทุกอย่างที่เรียนที่เคฟมาคืองาน​ ART คืองานศิลปะหมดเลย ผิดถูกอยู่ที่ใครผิดถูกคือของใครสุดๆ ทุกอย่างสวยงามไปหมด ทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกของมนุษย์ที่มีและสิ่งที่เกิดขึ้น ขอโทษนะคะ…มันโคตรจะเป็นมนุษย์เลยค่ะกรี๊ดดด! และพี่เอ็มก็สอนและเบิกเนตรหนูว่า " ทุกอย่างมันอยู่ที่ CHOICE " เราต้องเรียนรู้ที่จะ MAKE CHOICE ให้เป็น คือมันเเบบ touch jaii da best for me maaaak เพราะถ้ามองดีๆ in da details ทุกอย่างมันอยู่ที่ choice ที่เราเลือกจริงๆ หนูจะบ้าตายยยต้อมตระหนักรู้หนูมันสั่นอย่างรุ่นแรง ใครสนใจอยากที่จะเข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น เพื่อไปเป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์และเข้าใกล้ความจริงของโลกใบนี้มากขึ้น ต้องลองมาที่ THE CAVE เลยค่ะ! พรีสสสสรับรองได้เลยค่ะ ว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไป ครูส้มกับพี่เอ็มมีวิธีการมีคำตอบให้ได้จริงๆ คือให้คำแนะนำในฐานะมนุษย์คนนึงได้จริงๆ แต่ไม่ใช่เวย์ร่างทรงแต่อย่างใดค่ แต่บีมพูดจริงๆ ว่าคำสอนคำแนะนำจากครูส้มกับพี่เอ็ม ทำให้การใช้ชีวิตและวิธีการรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดมันง่ายขึ้นมากจริงๆ ค่ะ “ AWARENESS “ กับตัวเอง กับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้เป็น การเปิด awareness ในตัวเองกับความจริงของโลกใบนี้ มันไม่ง่าย…แต่มันก็ไม่ยากเกินกว่าความสามารถของมนุษย์คนนึงแน่ๆ ค่ะ บางทีทุกอย่างมันวนเวียนอยุ่รอบตัวเราหมดแต่เราแค่ไม่รับรู้ถึงมัน การเปิดโอกาสให้ตัวเองได้กล้าที่จะลองเดินไปใน places ใหม่ๆ บางครั้งสำหรับบีมมันสนุกแล้วก็ปลอดภัยมากกว่าที่คิดค่ะ THE CAVE เหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับหนูมากจริงๆ เป็นพื้นที่ๆ มีครูคอยช่วยดูคอยนำพาให้เราไปไกลมากๆ ไปในที่ๆ ไม่เคยไป ได้เรียนรู้ที่จะปลดปล่อย เรียนรู้ที่จะละวางให้เป็น ได้รู้จัก ได้เห็นและรู้สึกมากขึ้น THANKS GOD MAKMAAAK ที่ได้เจอครูส้มกับพี่เอ็ม รวมไปถึงพี่ๆ นักแสดงคนอื่นๆ ที่ได้เจอและรู้จักกันนน IT MEANS DA WORLD TO ME หนูดีใจที่ตัวเองเจอแล้วเลือกที่จะเรียนการแสดงที่นี้ มันเป็นเหมือนที่ลับๆ ที่ถ้า THE CAVE เป็นคนนะ บีมว่าคงเป็นคนที่มี CHARACTER สุดๆๆๆ สุดท้ายนี้ บีม นางสาวธณิชศร! ขอสัญญากับคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ว่า “ หนูจะเป็นนักแสดงที่ดี จะเป็นนักแสดงที่ช่วยสะท้อนความเป็นมนุษย์ให้กับคนดูให้ได้มากที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ หนูสัญญาค่ะ !

 

ReplyForward

Add reaction

nune.jpg

Actor.

สวัสดีค่ะ หนูชื่อ พิชชาธร สันตินธรกุล ชื่อเล่นว่า นุ่นค่ะ หนูได้มีโอกาสมาเรียนกับครูส้มมาประมาณปีกว่าแล้วค่ะ น่าจะเป็นช่วงแรกๆที่ครูส้มเพิ่งกลับมาจากอเมริกา และเปิดคลาสสอนแอคติ้ง ตั้งแต่วันแรกที่ได้เรียนกับครู หนูรู้สึกว่าครูส้ม เป็นคนที่มี passion ในการสอนมากๆ และต้องการที่จะนำสิ่งที่ครูได้เรียนรู้มาทั้งจากตัวครูเองและอาจารย์ของครู มาส่งต่อให้กับนักเรียนทุกๆคนอย่างจริงใจและเปิดใจกว้าง มันมีบางอย่างที่ดึงดูดหนูทำให้หนูเริ่มสนใจในการแสดงมากยิ่งขึ้นไปอีก และยิ่งรู้จักครูและประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบจากคลาสเรียนของครู ก็ยิ่งหลงรักการแสดงมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะครูจะมีอะไรที่น่าสนใจและแปลกใหม่มาสอนหนูเสมอ คลาสของครูแต่ละคลาส มันเหมือนเป็นการนำศาสตร์หลายๆศาสตร์มาผสมผสานกันขึ้นมาเป็นหลักสูตรใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Lucid Body, Chakra, Rasa, Masks หนูไม่รู้ว่าจะแยกย่อยคลาสเหล่านี้อย่างไร เพราะในทุกๆคลาสครูส้มมักจะผสมผสานสิ่งเหล่านี้ และเชื่อมโยงมันเข้าด้วยกันอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ในหลายๆคลาสของครูส้ม มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก มากซะจนในช่วงแรกๆก็มีสงสัย และเกิดคำถามกับตัวเองบ้างว่า นี่เรากำลังมาเรียนอะไรนะ นี่ครูกำลังให้เราทำอะไรอยู่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าคลาสแอคติ้งจริงๆหรอ สิ่งที่เราทำในคลาสมันคือสิ่งที่ถูกต้องรึเปล่า หลักการหรือศาสตร์ฟรือศิลปะอะไรกันแน่ที่ครูใช้เป็นเครื่องมือในการสอน ทำไมทุกคนต้องใส่เสื้อสีดำมาเรียน การที่มีเสียงกรีดร้องในห้องมืดพร้อมกันหลายๆคนมันคืออะไรกันแน่ ทำไมทุกคนถึงมีท่าทางประหลาดๆ ทำไมทุกคนถึงกล้าทำท่าทางและน่าตาน่าเกลียดใส่กัน แล้วทำไมจบคลาสมันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจะจบอยู่แค่เพียงในห้องนี้โดยที่ไม่มีใครพูดกัน หากใครหลายๆคนที่มาเรียนและยังเกิดคำถามเหล่านี้ไม่ต้องแปลกใจนะคะ สำหรับตัวหนูเอง มันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และเข้าใจมากๆ แค่เราเปิดใจและกล้าเข้าไปเผชิญกับมัน หลุดออกจาก comfort zone และกระโจนเข้าไปเพื่อเรียนรู้ตัวเราจากที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราเอง มันจะได้เจอกับอะไรที่ทำให้ประหลาดใจอย่างนับครั้งไม่ถ้วนจริงๆค่ะ

 

จริงๆแล้วหนูเคยบอกกับครูว่า ในช่วงแรกๆ “ทุกๆครั้งก่อนจะมาเรียนกับครู หนูจะรู้สึกว่าไม่อยากมาเรียนเลย เพราะมันเหนื่อยและใช้พลังงานเยอะมาก ยิ่งเวลาที่ต้องมาเรียนหลังจากเลิกเรียนที่มหาลัยหรือหลังจากการทำงาน ความรู้สึกด้านลบต่อการมาเรียนนั้นจะยิ่งสูงขึ้น เราต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการเรียน และตลอดระยะเวลา 4 ชั่วโมงนั้น มันไม่ใช่เพียงแค่การใช้ร่างกาย แต่มันเหมือนดึงเอาจิตวิญญาณของหนูเข้าไปอยู่ในคลาสนั้นด้วย ใช้ทั้งความคิด จินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึก แต่หารู้ไม่ว่า ทุกครั้งมันมหัศจรรย์มาก ตรงที่ความรู้สึกที่ไม่อยากไปเรียนทุกครั้งนั้น หลังจากเลิกเรียนในทุกครั้ง เรากลับรู้สึกว่า โชคดีจังที่เราสามารถเอาชนะความไม่อยากของตัวเองได้ และแทนที่จะรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม แต่กลับลืมความเหนื่อยนั้นไปเลย มันคุ้มค่ามากอย่างเหลือเชื่อมันเป็นความรู้สึกที่ได้เติมเต็มและมีความสุข แม้ว่าการแสดงของเราในคลาสวันนั้นจะดาร์คมากแค่ไหนก็ตาม”

 

จนมาถึงทุกวันนี้ ในฐานะนักแสดงคนนึง ถึงแม้ว่าหนูจะได้มีโอกาสเรียนมาเกือบทุกคลาสที่ครูส้มเปิดสอนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Lucid Body, Chakra, Rasa, Masks และครูส้มยังให้โอกาสหนูได้ลองไปเรียน Masks ที่บาหลีกับผู้เริ่มต้นศิลปะการแสดงนี้จริงๆ แต่หนูก็ยังคงมาเรียนมันอยู่ซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ เพราะแม้ว่าแต่ละคลาสอาจจะถูกแบ่งออกเป็น หลักสูตร หรือ level (Beginners, Intermediate, Advance) ตามลำดับและอาจจะคิดว่าจบแล้วก็คือจุดสูงสุด แต่สำหรับหนูมันเป็นเพียงแค่การเรียนรู้ตามขั้นบันไดอะไรก่อนหลังเพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจอะไรง่ายมากขึ้น แต่หลังจากจบแล้ว การที่กลับมาเรียนซ้ำๆมันก็เปรียบเสมือนการที่ เราได้ฝึกฝนและฝึกซ้อมร่างกายของเราให้พร้อมอยู่เสมอ มันไม่ได้พัฒนาแค่ร่างกาย แต่ยังพัฒนาความคิด จิตนาการ อารมณ์และจิตใจของเราด้วย เพราะจริงๆแล้วจากประสบการณ์โดยตรงของหนูแม้ว่าชื่อคลาสจะซ้ำกันแต่รับรองเลยว่า สิ่งที่เราประสบและได้รับในแต่ละครั้งจะไม่มีทางเหมือนกันอย่างแน่นอน หนูรู้สึกสนุกทุกครั้งเวลาที่ได้ลองเป็นใคร หรืออะไรก็ตามในคลาส (อะไรก็ตามในที่นี้หมายถึง บางทีเราอาจจะต้องลองเป็นสัตว์บางประเภท หรือแม้แต่สับประหลาด เพื่อจะเรียนรู้สัญชาตญานดิบมัน และนำพลังงานบางอย่างของมันมาปรับใช้ค่ะ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันน่าสนใจมาก เหมือนเป็นเส้นทางที่ทำให้เราสามารถเปิดใจเรียนรู้ทั้งด้านสว่าง และด้านมืดของคาแรกเตอร์เหล่านั้น และเปิดรับความเป็นมนุษย์ทุกประเภทอย่างเต็มใจ ด้วยใจที่เป็นกลาง โดยไร้ข้อตัดสินใดๆ และเมื่อวันนึงเราถึงเวลาต้องใช้มัน หนูเชื่อว่ามันจะเป็นเหมือนวัตถุดิบที่จะทำให้หนูมีความเชื่อ มั่นใจและจริงใจต่อทุกบทบาทที่ได้รับอย่างแน่นอน

 

และในฐานะความเป็นมนุษย์คนนึง เนื่องจากว่าหนูอาจจะไม่ได้เป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว หนูอาจจะยังไม่ได้มีประสบการณ์มากนักทางด้านการแสดงในสนามจริง ที่จำเป็นจะต้องใช้มันกับหน้าที่การงาน แน่นอนว่าหากนักแสดงได้มีโอกาสใช้มัน คงต้องเป็นอะไรที่ดีมากๆอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักแสดงจะไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ที่เรียนมา จากประสบกาณ์ของหนู อย่างน้อยที่สุดมันทำให้หนูเข้าใจความเป็นมนุษย์ เข้าใจร่างกายของตัวเองที่ซับซ้อน และรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น มีจริงใจกับตัวเอง และได้เรียนรู้ที่จะค้นหาจิตใต้สำนึก ผ่านจินตนาการ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจ ที่ถูกกดทับไว้และวิเคราะห์พลังงานเหล่านั้นของร่างกายด้วยตัวเราเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือส่วนนึงของแรงบันดาลใจที่มีคุณค่า ที่นำไปสู่การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต่อไปค่ะ

 

แม้ว่าสิ่งที่หนูได้รับในทุกๆคลาสของครูส้มอาจจะไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข และความเข้าใจของหนูในทุกหลักการอาจจะยังไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็น แต่หนูเชื่อว่ามันคือการสั่งสม ซึมซับและพัฒนาไปเรื่อยๆ หากเราเริ่มเคยชินกับมัน และสามารถหยิบจับสิ่งนามธรรมเหล่านี้มาใช้ได้ ผลลัพธ์ที่ได้เราอาจจะได้ใช้มันโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะร่างกายมันเข้าใจและเคยชินกับสิ่งนี้ไปแล้ว

 

สิ่งที่หนูกล่าวมาทั้งหมด อาจจะไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจทุกอย่างได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคลาสไหน สำหรับหนูมันก็ยังแปลกใหม่มาก ไม่ว่าจะเป็นชื่อคลาส หลักสูตรต่างๆ วิธีการสอนของครูส้ม กระบวนการเรียนรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับ ดังนั้น หากว่าลองได้มาเรียนรู้มันด้วยตัวเอง และกลับมาอ่านสิ่งที่หนูเขียนข้างต้นอีกครั้ง จะทำให้เข้าใจมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

 

นุ่น พิชชาธร สันตินธรกุล

Noon Pitchatorn Santinatornkul

image_123650291 (16).JPG

Actor/Model

Tommy Charupob Ruangsuwan Actor/Model ยังจำครั้งแรกที่เข้ามาในห้องเรียนเดอะเคฟได้ ปกติห้องเรียนการแสดงทุกที่จะค่อนข้างสว่าง อาจจะมีหรี่ไฟสลัวบ้างบางบทเรียน แต่เดอะเคฟจะค่อนข้างสลัว ทำให้ครั้งแรกมาเรียนที่นี่ค่อนข้างตื่นเต้นเพราะ เขาแตกต่างกับที่อื่นจริงๆ ผมมาที่นี่ด้วยความไม่ได้คาดหวังใดใด เพียงคิดว่าทุกที่ เราจะได้อะไรกลับไปพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว แต่ผมกลับคิดผิด เดอะเคฟเป็นเหมือนห้องต้องประสงค์ สำหรับผู้ที่อยากฝึก อยากเรียน อยากรู้ อย่างเข้มข้น การเข้าถึงตัวละคร คือการเข้าถึงตนเองก่อน ถ้าเราเข้าใจตนเอง เราก็สามารถเข้าใจตัวละครอื่นๆ ได้ไม่ยาก การแสดงที่ไม่ใช่การแสดง แต่มันคือความต้องการของตัวละครที่ส่งผ่านตัวแทนอย่างนักแสดง โดยผ่านศิลปะ เทคนิค และศาสตร์ต่างๆ อย่างกลมกล่อมสไตล์เดอะเคฟ บทเรียนที่เข้มข้น ของแต่ละคราส ครูไม่เคยปล่อยผ่านถ้ามันยังสามารถผลักดันไปได้อีก ผมนับถือจิตวิญญาณของความเป็นครูของครูส้ม ครูเอ็มมากๆ จนทำให้เวลาผ่านไป พอมารู้ตัวอีกที ผมก็ติดแหง็กและรักการแสดง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว (ถึงแม้ขะเหนื่อยสุดๆไปเลย) ความตั้งใจของครูส้ม เพื่อนร่วมคราส เอเนจี้ในคราส ผมชอบมันมาก ตอนนี้เดอะเคฟได้พัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เราได้ต่อยอดเทคนิคต่างๆ ได้เข้มข้น และดีใจมากที่ครูส้มนำเทคนิคต่างๆ จากเมืองนอกมาสอนให้นักเรียนได้เข้าใจถึงเทคนิคการแสดงที่ลึกซึ้งมากขึ้น และตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยินชื่อคราสที่เปิดใหม่ สุดท้าย ใครที่ยังไม่เคยเรียนการแสดง ผมว่าลองเปิดใจ การแสดงไม่ใช่การแสดง แต่เบื้องต้นคือการเข้าใจตนเองและผู้อื่น การยอมรับตัวเอง ยอมรับความเป็นมนุษย์ บางทีสิ่งที่ได้อาจจะไม่ใช่แค่เทคนิคการแสดง แต่คุณอาจจะได้ตัวเอง ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมก็ได้

1589707577194.jpg

Actor.

ตั้งแต่ความฝันในการเป็นนักแสดงของผมได้เริ่มขึ้น ผมแสวงหา รอคอย และภาวนา ถึงเทคนิคการแสดงในรูปแบบหนึ่งมาตลอด เป็นเทคนิคที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นยังไง หรือไม่แม้แต่มั่นใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ผมตามหานั้นได้มีอยู่ในประเทศไทยรึเปล่า ถึงผมจะค่อนข้างมั่นใจว่ามันอาจจะมีอยู่สักแห่งในโลกก็ตาม แต่เอาเป็นว่า “โลก” นั้นคงกว้างเกินกว่าที่ผมจะไปตามหาในตอนที่ผมยังไม่เข้าใจพื้นฐานการแสดงมากพอ

 

Since I realised that one of my dreams in life is to become an Actor, I start seeking, waiting and hoping for one of the acting techniques all the time. It was the technique that I myself don't really know how it seems like or not even sure that it exists in thailand or not, although I knew that it should exist somewhere on Earth. But honestly, the world was too large for an innocent actor like me to take a journey for!!

 

เมื่อนั้น ผมตั้งคำถามถึงเทคนิคที่ไม่ต้องอิงจากประสบการณ์ชีวิตของผมเพื่อใช้ในการแสดง ไม่ต้องนึกถึงคนรักของผมในขณะที่กำลังเล่นฉากโรแมนติกกับนักแสดงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน หรือไม่ต้องเดินผ่านวินาทีที่ผมสูญเสียสิ่งที่ผมรักไปหลายต่อหลายครั้งเพียงเพื่อเอาตัวรอดในฉากของละคร เราคงไม่อยากต้องเอาความทรงจำอันมีค่าของเรามาใช้ซ้ำๆ ทั้งทีความทรงจำเหล่านั้นคู่ควรแก่การถูกปิดผนึกไว้ลึกๆในใจเรา และทุกครั้งที่มันปรากฎขึ้นใหม่อีกครั้ง ความทรงจำเหล่านั้นจะยังคงตราตรึงใจเสมอไป ประหนึ่งสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดที่กาลครั้งหนึ่งเราเคยได้จ่ายค่าจิตวิญญาณก้อนใหญ่เพื่อได้มันมา

 

Back then, I was questioning for an acting technique that does not require or use actor’s personal life and experiences in the scene, not to think of the one I love while confronting an unknown actors taking role of a character which my character loves and not myself’s, or not to walk passes the moment of my emotional break-down again and again just for my survivals through scenes, you surely don’t want to bring out your precious memories so often rather than letting it rest respectfully at the bottom of your heart and lets all its appearance still reminds you of those moments which you have once sold parts of your soul and feeling for it.

 

เทคนิคของครูส้ม เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ต่อสิ่งที่ผมกำลังตามหาอยู่แทบทั้งหมด เราเริ่มจากการทำงานกับร่างกายและจิตของเราอย่างต่อเนื่อง ค้นหาตัวเองในระดับจิตใต้สำนึก ไม่ใช่จากความคิดและสิ่งที่เราจำได้ เพราะร่างกายเราผ่านอะไรมามากกว่าที่เราจะนั่งคิดถึงมัน หรือยอมรับมันได้ทั้งหมดจากการใช้เพียงแค่ความคิดและสติ หลังจากเราสามารถเผชิญกลับตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากพอแล้ว เราก็สามารถที่จะเข้าใจตัวละครในระดับจิตวิญญาณได้เช่นกัน และมันงดงามกว่ามากที่ให้ร่างกายทำหน้าที่นั้นมากกว่าสมอง ส่วนผลลัพธ์นั้นยิ่งแตกต่างกันมากเสียเกินกว่าจะจิตนาการได้ หากไม่เคยเห็นกับตามาก่อน

 

Kru Som’s classes have totally got me the techniques and all the answers to my questions. We begin by working with our body and feelings on a routine-base. Finding your soul in a level of unconsciousness, not through your thinking brain and memories, because our body has passed to a lot more details than we could recall and accept it from our consciousness. Once we had confronted ourselves to certain extents, we are now able to understand the characters at the soul level as well. Imagine how beautiful and interesting it is to work through the body rather than the brain, and the results are going to be incompatible and incredibly fascinating than we could think of by not ever seeing it with our eyes before. 

 

และตอนนี้ โลกแห่งการแสดงของผมจึงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง การแสดงนั้นไม่ใช่แค่การคิดและกระทำอย่างตัวละครอีกต่อไป แต่มันคือการที่นักแสดงอย่างเราได้รับเกียรติจากตัวละครนั้นๆเพื่อที่จะเติบโตดั่งเช่นตัวละคร เรียนรู้ถึงโลกอีกใบของคนอีกคน ทั้งสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม โดยการเข้าถึงตัวละครนั้นผ่านร่างกายและจิตใจ ตรากตรำทุกข์สำราญสุข เผชิญทุกความรู้สึกของตัวละคร แล้วจึงถ่ายทอดออกมาในฐานะนักแสดงด้วยความเคารพที่มีต่อตัวละคร และความจริงใจต่อผู้ชม 

 

And at this point, my world of arts and acting arts has changed completely. Acting is not just a matter of think and act as a characters in a circumstances anymore, but it's an honorable opportunities given by the characters to actors to learn and grow up like them in their own world, society, culture, and under their religions by embodying them through their minds and souls, blessed by their happiness and and grow up through their pain, facing every formative moment of the characters to truly become them. Then communicate their life, through a channel of what we now called “Acting, respectfully to the characters and sincerely to audiences.

 

ตลอดระยะเวลาที่ผมทุ่มเทให้กับการฝึกฝน ผมยังได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการแสดง เป็นสิ่งที่เราทุกคนอาจจะคุ้นเคยกันดีผ่านคำว่า “ศิลปะ” แต่นิยามคำๆนี้ของผมได้ถูกแต่งเติมและทบทวนอยู่ตลอดเวลา มันลึกซึ่งกว่าการเป็นเเค่ชิ้นงานสร้างสรรค์ของมนุษย์เพื่อให้คนได้เชยชมเพื่อความเพลิดเพลิน ศิลปะกลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของชีวิตที่ผมอยากจะค้นหาให้ลึกถึงแก่นของมันที่สุด และขณะเดียวกัน ต่อยอดมันเพื่อสรรค์สร้างชิ้นงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และจิตวิญญาณของผู้ที่เชิดชูมันและซื่อสัตย์ต่อมันเช่นเดียวกับผม 

 

Over the time of my dedication to the technique, I fall for something else more meaningful than acting, it is something of our familiarity called “Art”. However, my understanding of Art has now changed and keeps extending through time, it has been so far beyond just human creative work pieces for other human’s pleasurable consumption. Art has become another purpose of my life and attracts my desires and passions to dig down into it as deep as I can, and at the same time, develop it’s creativity as a piece of work that could somehow serve society and lift up the soul of one who worships and honors it.

 

เพราะ “ศิลปะ” ที่ผมพูดถึงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยมือของเราเพียงเท่านั้น แต่ตัวศิลปะเองนั้น ได้นำพามาซึ่งอารยะธรรม ความรู้และความงามของมันมาเป็นระยะเวลาหลายพันปีเเล้ว เรามีหน้าที่ส่งมอบมันต่อไปถึงผู้ที่มองเห็นคุณค่าของมัน พัฒนาและต่อยอดความรุ่งเรืองนี้ต่อไป ผมเชื่อว่า ถ้าเราซื่อสัตย์กับศิลปะมากพอ มันจะให้คุณค่าทางจิตใจกลับมาสู่ตัวเราอย่างมหาศาล เป็นสิ่งที่นำพาความสุขมาให้เรามากกว่าที่เงินทองหรือสุรายาสูบจะทำได้ เพลงที่คุณเคยฟัง หนังที่เคยดู หรือหนังสือที่คุณเคยอ่าน จะเข้มข้นมากกว่าเดิม และตอนนี้ชีวิตของผม ก็ไม่น่าเบื่อและแห้งเหี่ยวเหมือนเมื่อก่อน

 

Because “Art” is never just something originated by our hands alone, but the Art itself has been carrying its own values, knowledge and beauties in itself over thousands of years. My task is to pass on it’s quality to those who see true value in it, to keep conserving and developing its civilization over time. I believe that if we can really  have faith and loyalty to Art, it will return us with a priceless gift to our souls. It brings us joy and pleasure more than money and whiskey could even do, and your favourite music, movies, and books will become even more interesting. And your life would no longer be dull and boring as it has been.

 

แน่นอนว่าผมยังไม่ได้พูดถึงแต่ละวิชาของครูส้มโดยละเอียด ซึ่งแต่ละวิชานั้นยังโดดเด่นเเละลึกซึ้งไปในทางที่แตกต่างกันมาก แต่โดยรวมแล้ว การเรียนกับครูส้ม ทำให้ผมมีแรงบัลดาลใจ และยืนหยัดในการเป็นนักแสดงได้อย่างมีเกียรติ และต้องขอขอบคุณครูส้มและทุกคนในคลาสที่ช่วยให้ผมได้เดินทางในโลกของศิลปะมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากเทคนิคการแสดงที่นำไปใช้ได้จริงเเล้ว ผมยังได้ความรักจากหัวใจดวงใหม่ที่เกิดขึ้น เป็นความรักที่เติบเต็มจิตใจผมให้อิ่มเอมอยู่เสมอ มันยิ่งใหญ่และซื่อสัตย์กับผมมากพอที่ผมจะยอมทุ่มทั้งชีวิตให้กับมันได้ เพราะผมมั่นใจว่า “ศิลปะ” จะไม่มีวันทำร้ายผมและจะงดงามตลอดไป 

 

Till now I have not talked about all of Kru Som’s classes in detail, because each of them has so much of its own interesting part and uniqueness in technique. Overall, studying with Kru Som made me so passionate and able to honestly stand in the shoe of actors, and I am very thankful to Kru Som and all my classmates for the support and journeys together on the path of Art so far. Apart from the applicable techniques, I have found my new love here, it's a love that is so pure and full filled my heart, it’s greatness and honesty is so powerful that I could put all my passion for it, trust it like it would never betray me, and it will always be beautiful as it is.

 

สุดท้ายนี้ ความรู้สึกที่ผมบรรยายมาข้างต้น ไม่ได้เกิดจากคำสอนของครูส้มเพียงอย่างเดียว แต่คำสอนของครูส้มนั้นเป็นเหมือนไฟส่องทางที่เราเองต้องลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง เพียงเเค่จริงใจในสิ่งที่ทำ และเชื่อมันต่อสิ่งนั้น เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากให้ผมสปอยมันมากไปกว่านี้ เพราะยังมีความตื่นตาตื่นใจ และความสนุกอีกมากมายที่คุณอยากจะสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วคุณจะขอบคุณตัวคุณที่สละเวลาและจิตวิญญาณเพื่อมัน เหมือนกับผมในวันนี้ ขอบคุณครับ

 

Lastly, all my feelings and impressions described above are not acquired by Kru Som teaching alone, but her words are a guidance for us and we just have to sincerely practice it and have faith in it. Believe me, you don’t want me to spoil you any further about the classes, there are a lot more interesting things you would like to experience it yourself. And you will be thankful some day for your sacrifices of your times and souls for it, just like what I am today!! 

 

bottom of page